วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ค้นหาคำตอบมาฝาก สำหรับคนที่อยากเปิดร้าน 20 บาท ทุกอย่าง

ค้นหาคำตอบมาฝาก สำหรับคนที่อยากเปิดร้าน 20 บาท ทุกอย่าง


       
       คำถามแรก ที่หลายคนอยากรู้ ลงทุนเท่าไหร่ 
       
       1. โดยเงินลงทุนตั้งต้น เริ่มจากลงสินค้าอย่างเดียว ประมาณ 1แสนบาท โดยจะได้ของประมาณ 6000 กว่าชิ้น มีของให้เลือกซื้อ 500 กว่าแบบ ซึ่งพื้นที่ ที่ใช้ประมาณ ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว กว้าง 5 เมตร ยาว 14 เมตร จะวางสินค้าได้หมดพอดี ถ้าจะลงร้านกว้างกว่านี้ ก็ได้ โดยใช้ชั้นแขวนสินค้าทั้งหมดประมาณ 12 อัน ขนาดสูง 170 เซนติเมตร กว้าง 120 เซนติเมตร ราคาตัวแขวนอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 บาท
       
       ทั้งนี้ ถ้าไม่ใช้ชั้น แบบแขวน ก็มีชั้นแบบวาง 2 ด้าน ตรงกลางร้าน แบบ3 ชั้น อาจจะต้องใช้ถึงประมาณ 6 ตัว ราคาประมาณเกือบ 2000 ต่อตัว ซึ่งแนะนำว่าไม่ต้องไปซื้อของใหม่ ให้ใช้ของ มือสองจะถูกกว่ามาก ส่วนชั้นวางทั่วไป 4-5 ตัว รวมค่าที่วางของ เคาเตอร์เก็บตังค์ ที่แขวน พัดลม อะไรที่ตกแต่งร้านให้มันดูดี รวมๆแล้วประมาณ 30,000 บาท
       
       ส่วนค่าป้ายและ ค่าเช่ากรณี ไม่มีที่ดินหรือตึกเป็นของตัวเอง ค่าป้ายตารางเมตรละ 100 บาท ถ้าเป็น ป้ายไฟราคาเกือบ 4000 บาท และถ้ามีป้ายเยอะ หรือ ป้ายใหญ่ก็จะต้องเสียภาษีป้ายด้วย แนะนำว่า ไม่ควรจะไปเน้น คำว่า 20 บาท มาก เพราะสินค้าบางตัวอาจจะต้องขาย 25 บาท ลูกค้าก็จะต่อว่าได้ ทางที่ดี เขียนว่า สินค้าราคาถูก 20-25 บาท

 ทำเลที่ตั้ง ตรงไหนควร และไม่ควรเปิด มีหลักคร่าวๆดังนี้
       
       1.ทำเลที่คนเดินผ่านจะขายดีกว่าที่รถผ่าน เช่นร้านคุณทำติดถนนใหญ่รถผ่านทุกวัน กับร้านคุณอยู่ในตลาดคนเดินผ่านทุกวัน ยอดขายคนละเรื่อง เพราะน้อยมากที่ลูกค้าต้องการจะขับรถมาเพื่อซื้อของเราอย่างเดียว ส่วนมากที่ตั้งใจมาจะเป็นกลุ่มแฟนคลับ ติดร้านเราเหนียวแน่น ลูกค้าส่วนมากจะเป็นขาจร เดินไปเดินมา
       
       2. หาทำเลใกล้ๆ ร้านขายอาหาร คลีนิคหมอ ร้านเกมส์ ตลาดนัด โรงเรียน โรงงาน สถาบันการศึกษา ที่จอดรถในห้าง กลุ่มพวกนี้ ร้านหน้าใหม่มักอยู่รอด แต่ไม่เสมอไป เพราะปัจจัยต่อมาคือ ขนาดร้าน
       
       3..ถ้าเช่าอยู่ อย่าไปตกแต่งเยอะ รอขายดีๆก่อนค่อยตกแต่ง จากประสบการ์ณที่ผ่านมา เห็นมาเยอะ ร้านหรู ๆ เจ๋งมาหลายรายแล้ว
       
       4.ส่วนค่าเช่าแนะนำหาที่เช่าซึ่งไม่ผูกสัญญายาวๆ เช่น มัดจำ 2 ปี ควรต่อรองกับเจ้าของที่ ว่าไม่ขอมัดจำแต่ขอเพิ่มเป็นจ่ายรายเดือนแทน แล้วถ้าขายดีอยู่ได้ จะทำสัญญาทีหลัง เพราะเวลาไปไม่รอดก็ยังกลับตัวทัน ไม่ไปเสียเงินก้อน อย่าลืมที่จอดรถหน้าร้านเพราะเป็นเรื่องสำคัญในยุคนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่ก็จะมีรถกันทุกคน ที่ผ่านมา หลายคนก็ต้องเสียลูกค้าไปเพราะไม่มีที่จอดรถให้ลูกค้า ปัจจุบัน แม้แต่ร้าน 7-11 ยังทำที่จอดรถเลย
       
       สำหรับทำเลขอบอกว่า ไม่สามารถฟันธงได้ เพราะบางร้านอยู่ในตลาดก็เจ้ง บางร้านอยู่ในซอยกลับขายดี บางอย่างก็คาดเดายาก ค่าเช่าอาคาร ซึ่งร้านขนาดเล็ก มีของประมาณ 5,000-6,000 ชิ้น ค่าเช่าไม่ควรเกิน 5,000 บาท เพราะถ้ามากกว่านี้ เดี๋ยวขายได้เท่าไรลงค่าเช่าหมด

  ส่วนแหล่งซื้อสินค้า เป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ 
       
       สำหรับแหล่งสินค้า 20 บาท มีให้เลือกจำนวนมาก ซึ่งสามารถหาได้ใน google แต่ละรายก็เหมือนๆ กัน สามารถสั่งจากรายไหนก็ได้ไม่แตกต่าง ส่วนราคาใกล้เคียงกัน แต่แนะนำ ว่า ถ้าจะซื้อได้แบบไม่ยกโหลจะดีกว่ามาก เพราะมากกว่า 20% เป็นของค้างสต็อกขายไม่ออก ถ้าท่านซื้อ 100,000 บาท แบบยกโหล ก็จะได้สินค้าประมาณ 500 กว่าแบบ แต่ถ้าท่านซื้อแบบครึ่งโหล ท่านจะได้ 1,000 กว่าแบบถ้าสินค้าเยะอ ร้านก็จะน่าสนใจขึ้น
       
       ทั้งนี้ สินค้าที่เป็นกลุ่มกิ๊ฟชอปหรือสินค้าที่ต้องขายความสวยงาม เช่น สมุดลายการ์ตูน สติ๊กเกอร์ กรอบรูป 3 มิติ กล่องใส่ของลายต่างๆ ของพวกนี้เวลาสั่งยกโหล จะเลือกลายไม่ได้ครับ เวลาไปซื้อก็ต้องยก Pack ร่วมๆกันไว้ ที่สวยๆมีประมาณ 4-5 ชิ้นนอกนั้น ลายก็ไม่น่าสนใจ ขายไม่ออก ทำให้ค้างสต๊อก
       
       ส่วนกลุ่มสินค้าที่เป็นเคมี พวกกาว น้ำยาต่างๆ ต้องระวังมากๆครับ บางทีซื้อมาแห้งหมดใช้งานไม่ได้ และพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นปลั๊กไฟ ต่างๆ ไม่ควรที่จะซื้อมาขาย ส่วนสินค้าในกลุ่มพลาสติก เครื่องเขียน ของเล่น กิ๊ฟชอป พวกนี้ ไปหาซื้อที่ร้านขายส่งเฉพาะทางดีกว่า เพราะ จะได้ราคาถูกกว่ามากแล้วมายำผสมกันแล้ว Pack ใหม่ เป็นของ 20 ดีกว่า
       
       นอกจากนี้ ยังต้นทุน ค่าขนส่ง กับสินค้าเสียหาย ยิ่งร้านอยู่ต่างจังหวัดต้องสั่งของจากกรุงเทพแล้วล่ะก็ หมดกับค่าขนส่งพอสมควร แต่ถ้าขับรถไปซื้อเองได้แม้ว่าจะแพงหน่อยแต่ถ้าได้เลือกสินค้าเองก็ะคุ้มกว่า หาร้านขายส่งตามจังหวัดที่ตั้งของร้าน ก็จะดีกว่า ส่วนใหญ่ปัจจุบันจะมีร้านขายส่งอยู่เกือบทุกจังหวัด


 สินค้า 20 บาท ที่ขายดี 
       
       สำหรับสินค้า 20 บาท ที่ขายดี จากการสำรวจหลายร้าน และผู้ค้าส่ง พบว่า สินค้าที่ขายจะเป็นสินค้าในกลุ่มของเล่น และของใช้ทั่วไป ที่มีลวดลายน่ารักๆ เช่น ปากกา กระจก พรมเช็ดเท้า ไม้จิ้มฟัน ไม้ปัดขนไก่ ถุงขยะ ตะเกียบ ปืนไฟเข็ค และอื่นๆ อีกมากฯลฯ ส่วนที่ขายยาก จะเป็นกลุ่มอุปกรณ์ช่าง เช่น กลอนหน้าต่าง เครื่องมือบางอย่าง เช่น เลือย แฟ้มใส่เอกสาร ที่กรองน้ำมัน เป็นต้น

       
       กำไรเท่าไร 
       
       สำหรับผลตอบแทน เชื่อว่า ไม่แตกต่างกันมาก คือ ประมาณ 20-25% หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ส่วนรายได้ต่อวัน แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ทำเลที่ตั้ง ถ้าจะให้อยู่ได้ควรที่จะมีรายได้หลักพันบาทขึ้นไป ซึ่งหลายร้านสามารถทำยอดขายได้ถึงหลักหมื่นบาทต่อวันก็มี ส่วนจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการขึ้นอยู่กับทำเลอีกเช่นกัน ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะขายดีกว่าวันปกติ ตลาดต่างจังหวัด น่าจะได้รับการตอบรับค่อนข้างดีกว่า ในกรุงเทพฯ เพราะการแข่งขันไม่สูง ตัวเลือกน้อย

คืนทุนเมื่อไร
       
       โอกาสคืนทุน ก็คงอยู่ที่ ว่าดึงลูกค้าได้มากน้อย แค่ไหน แต่ส่วนใหญ่ไม่น่าเกิน 5-6 เดือน
       

เครดิต 







ทุกอย่าง 20 บาท ธุรกิจที่ใครๆ หลายคนอยากเป็นเจ้าของ

ทุกอย่าง 20 บาท ธุรกิจที่ใครๆ หลายคนอยากเป็นเจ้าของ

ปัจจุบันตลาดนัดแทบทุกแห่งจะมีร้านค้า “ทุกอย่าง 20-25 บาท” โดยสินค้าจะมีหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องครัว ของใช้ในบ้านต่างๆ เครื่องเขียน เครื่องมือช่าง ของเล่น สินค้าเบ็ดเตล็ดต่างๆ ด้วยค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวันๆ สินค้าที่ขายทุกอย่าง 20 บาท จึงเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคนิยมเข้ามาซื้อสินค้ากันมาก (ข้าวแกง 1 จานเดี๋ยวนี้ 40-50 บาทไปแล้ว)

ปัจจุบันนี้เงิน 20 บาทเมื่อเทียบสินค้ากับราคาแล้วถือว่าไม่แพงเลย ของบางอย่างใช้เพียงครั้งเดียวก็คุ้มแล้ว ตอบความต้องการในชีวิตประจำวันของคนเมืองได้เป็นอย่างดี

ทำให้ใครหลายคนอยากมีร้านค้าแบบนี้บ้าง ได้เป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ต้องเดินทางรถติดไปทำงานนอกบ้าน
มีลูกค้าเอาเงินมาให้ถึงที่ ได้ใช้ชีวิตทำงานอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว แต่จะต้องไปหาซื้อจากที่ไหนมาเข้าร้านดี
และจะมีกำไรมากน้อยเพียงใด คุ้มค่าการลงทุนหรือเปล่า



อยากเปิดร้านขายทุกอย่าง 20 บาท เริ่มต้นอย่างไร ต้องมีเงินลงทุนเท่าไรถึงจะพอ? 
คำถามนี้มีหลายคนถามกันเข้ามาเยอะมาก แต่ละคนต้นทุนในชีวิตไม่เท่ากัน เป็นการยากที่จะบอกว่าควรจะลงทุนเท่าไหร่ บางท่านเริ่มต้นจาก 1 หมื่น บางท่านเริ่มต้นที่ 3 แสน ในส่วนนี้กะประมาณดูได้จากตอนที่มาซื้อสินค้าแล้วดูว่าพอเพียงหรือยัง ถ้ายังรู้สึกว่าน้อยเกินไปก็สามารถหยิบซื้อสินค้าเพิ่มได้ครับ หลายๆ ท่านก็เริ่มต้นจากเล็กๆ กับเรา จนปัจจุบันมีหลายสาขาก็มี

1.ต้นทุนค่าเช่าร้าน 

ก่อนอื่นคุณต้องมองหาทำเล คือให้มีคนมากๆ ไว้ก่อน ทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง สำหรับทำเลที่เหมาะแก่การเปิดร้าน 20 บาท ควรอยู่ในแหล่งชุมชน ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า จุดต่อรถใหญ่ๆ เพื่อให้เรามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจง เพราะไม่มีสินค้าใดที่จะขายได้กับลูกค้าทุกกลุ่ม  ต้องหมั่นสังเกตกลุ่มลูกค้าว่าเป็นกลุ่มใด เช่น ใกล้ตลาด ก็ควรเน้นสินค้า สำหรับแม่บ้าน เครื่องครัว อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ เป็นหลัก ทำเลใกล้โรงเรียน ควรเน้นสินค้าเครื่องเขียน ของเล่น เป็นต้น

ทำเลดี ค่าเช่าแพง จะคุ้มไหม

ก่อนที่จะเลือกทำเลที่จะเปิดร้าน ให้ทำการวิเคราะห์ทำเล สังเกตมีจำนวนคนเดินผ่านหน้าร้านเยอะไหม
บางท่านอาจจะสังเกตจาก 7-11 ว่าเปิดที่ไหน แสดงว่าระแวกนั้นคือทำเลที่ดี เพราะผ่านการสำรวจมาแล้ว
โดยมากที่เปิดลักษณะตึกแถว ตลาดนัดจะขายปลีกกันที่ราคา 20 บาท แต่หากจำหน่ายในห้างบิ๊กซี โลตัส
จะขายปลีกที่ราคา 25 บาท เนื่องจากต้นทุนค่าเช่าสูงกว่าครับ

ตัวอย่างเช่น ค่าเช่าห้อง 1 คูหา ขนาดประมาณ 4x8 เมตร เดือนละ 15,000 บาท เฉลี่ยวันละ 500 บาท
ฉะนั้นถ้าเราขายสินค้าได้ประมาณ 500 ชิ้น เราจะมีรายได้วันละ 10,000 บาท
จะได้กำไรประมาณวันละ 2,500 บาทหรือเดือนละ 75,000 บาท
ซึ่งกำไรนี้พอที่จะคุ้มค่าเช่าร้าน ค่าแรง และ ค่าไฟ เป็นต้น

2.การตกแต่งร้านและข้อแนะนำ 


  ชั้นวางของ ควรตัดสินใจเลือกชั้นที่สามารถวางสินค้าได้โดดเด่น สีสันของชั้นที่จะช่วยให้สินค้าน่าซื้อมากขึ้น
  ชั้นวางสินค้าแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของสินค้าได้หรือไม่
  แสงสว่าง ควรติดไฟสว่างทั้งร้าน เพื่อดึงให้ลูกค้าสนใจร้าน และเห็นสินค้าได้ชัดเจน
  แอร์ ไม่จำเป็นต้องติดแอร์ เพราะมีหลายร้านที่เปิดโล่ง ติดพัดลม ก็ขายดีไม่แพ้ร้านติดแอร์
       ส่วนใหญ่ร้านที่ประสบความสำเร็จ จะมีปัจจัยหลักอยู่ที่ทำเล และความหลากหลายของสินค้า
  กล้องวงจรปิด อันนี้แล้วแต่คุณจะติดหรือไม่ เพื่อตรวจสอบพนักงานและลูกค้า

3.มูลค่าสินค้าที่ซื้อเข้าร้าน

ด้วยมูลค่าการลงทุนค่าสินค้าเริ่ม 20,000 บาทก็สามารถเริ่มต้นได้แล้ว ควรเลือกสินค้าให้หลากหลายไว้ก่อน
ไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อสินค้ายกลัง เพื่อต้องการต้นทุนที่ต่ำกว่าราคาส่งหน้าร้าน เพราะเรายังไม่รู้ว่าสินค้าไหนขายดี
ขอแนะนำว่าซื้อให้หลากหลายอย่างละ 1-2 โหล เพราะเรียงสินค้าแล้วจะดูสวยงาม เต็มพอดีชั้นวางสินค้า

ต้นทุนสินค้าขาย 10 บาทจะอยู่ระหว่าง 4-8 บาท
และต้นทุนสินค้าขาย 20 บาทจะอยู่ระหว่าง 10-15 บาท
แต่สำหรับสินค้าพลาสติกชิ้นใหญ่อาจจะ 16-17.50 บาท ซึ่งลูกค้าจะนำไปจำหน่ายในราคา 25 บาท


หากลูกค้ามีกำลังซื้อยกลังได้ก็จะได้ราคาที่ต่ำลงอีก ซึ่งหมายถึงกำไรที่มากขึ้นเช่นกัน
ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าและจำนวนสั่งซื้อ เนื่องจากต้นทุนสินค้าแต่ละตัวไม่เท่ากัน
แต่ต้องคำนึงถึงเงินทุนหมุนเวียนในร้าน พื้นที่การเก็บสินค้า และความเร็วในการเวียนของสินค้าด้วย
หากกำไรมากแต่กว่าจะขายหมดเป็นเวลาหลายเดือน คงไม่คุ้มแน่นอน

การจัดสินค้าภายในร้าน ต้องหมั่นหาสินค้าใหม่อยู่เสมอ เพราะเสน่ห์ของสินค้าทุกอย่าง 20 บาทคือความหลากหลาย หากคุณมีการบริหารและการจัดการภายในร้านที่ดีแล้ว รับรองว่าหาสินค้าเติมร้านกันแทบไม่ทันแน่นอนครับ


4.ค่าแรงงาน
ข้อดีของธุรกิจนี้ คือ ไม่ตัองมีพนักงานดูแลร้านจำนวนมาก เริ่มต้นอาจมีเพียง 1-2 คน สำหรับคิดเงิน และ จัดเรียงสินค้า หากคุณมีเวลาสามารถดูแลร้านเองได้ ก็ไม่ต้องมีต้นทุนค่าแรงงานเพิ่มเติมในส่วนนี้